แบตเตอรี่รถยนต์ Overcharge VS แบตเตอรี่รถยนต์ Over Discharge

แบตเตอรี่รถยนต์ Overcharge

แบตเตอรี่รถยนต์ Over Discharge

คืออะไร?

การอัดไฟเข้าแบตเตอรี่รถยนต์มาก หรือ การอัดไฟด้วยกระแสไฟที่สูงมากกว่าปกติของแบตเตอรี่รถยนต์ลูกนั้นจะรับได้ ส่งผลให้เกิดความเสียหายภายในแบตเตอรี่รถยนต์

ค่าความเข้มข้นของน้ำกรดในแบตเตอรี่รถยนต์ลดลง เนื่องจากการที่แบตเตอรี่รถยนต์ไฟหมด แต่ไม่ได้มีการชาร์จไฟกลับเข้าไปยังแบตเตอรี่รถยนต์ ซึ่งความเจือจางของน้ำกรดที่ต่ำเกินกว่าค่ามาตรฐาน ส่งผลให้เกิดความเสียหายภายในแบตเตอรี่รถยนต์

สาเหตุ

• โวลต์สูงกว่าค่าปกติ เนื่องจากระบบไฟชาร์จในรถยนต์เกิดการทำงานผิดปกติ

• การอัดไฟเข้าแบตเตอรี่รถยนต์ด้วยกระแสไฟอย่างสูงอย่างรวดเร็ว และบ่อยครั้ง

• ความเข้มข้นของน้ำกรด ที่มีค่าความถ่วงจำเพาะสูงมากเกินไป

• การใช้งานรถยนต์ที่หนักมากเกินไป ทั้งในสภาพอากาศที่ร้อนจัด รวมถึงใช้งานหนักอย่างต่อเนื่องเป็นระยะเวลานาน (มากกว่า 100 กิโลเมตร/วัน)

• ปล่อยให้แบตเตอรี่รถยนต์ไฟหมดเป็นระยะเวลานาน จนทำให้ความเข้มข้นของน้ำกรดมีค่าความถ่วงจำเพาะต่ำกว่า 1.030 และไม่มีการชาร์จไฟกลับเข้าไปยังแบตเตอรี่รถยนต์

• มีการเติมน้ำกรดเข้าไปยังแบตเตอรี่รถยนต์แล้ว แต่ไม่มีการใช้งานแบตเตอรี่รถยนต์

• น้ำกรดแห้ง เนื่องจากการจัดเก็บแบตเตอรี่รถยนต์ในสภาพอากาศร้อนจัด อุณหภูมิสูงมากเกินไป และได้มีการเติมน้ำกรดเพิ่มลงไปในแบตเตอรี่รถยนต์ดังกล่าว แต่ไม่มีการชาร์จไฟเข้าไปยังแบตเตอรี่รถยนต์

• ไดชาร์จรถยนต์ตัดโวลต์เข้าแบตเตอรี่รถยนต์ต่ำมากเกินไป หรือมักจะได้ยินกันบ่อยๆ ว่า "ไดชาร์จอ่อน" ส่งผลให้จ่ายไฟเข้าแบตเตอรี่ไม่เพียงพอ

ข้อเสีย

เมื่อแบตเตอรี่รถยนต์ Overcharge จะทำให้แบตเตอรี่รถยนต์ร้อน มีอุณหภูมิสูงมากกว่าปกติ อาจส่งผลกระทบต่อโครงสร้างภายในของแบตเตอรี่รถยนต์ ทั้งแผ่นกั้นแผ่นธาตุภายในของแบตเตอรี่รถยนต์จะเปลี่ยนสีจากเดิมกลายเป็นสีน้ำตาลไหม้หรือสีดำ รวมถึงแผ่นธาตุภายในของแบตเตอรี่รถยนต์จะบวม และแผ่นกริดแตกตัก ทำให้แบตเตอรี่รถยนต์มีอายุสั้นลง ไม่ยืนยาว

เมื่อค่าความเข้มข้นของน้ำกรดมีค่าความถ่วงจำเพาะต่ำกว่าค่ามาตรฐาน อาจทำแผ่นธาตุถูกกัดกร่อน เกิดความเสียหายภายในแบตเตอรี่รถยนต์

ข้อแนะนำ

ควรเลือกแบตเตอรี่รถยนต์ให้เหมาะสมกับรุ่นของรถยนต์

หากจอดรถยนต์ทิ้งไว้เป็นระยะเวลานาน และไม่ได้ใช้งาน ควรถอดขั้วแบตเตอรี่รถยนต์ออก และหากแบตเตอรี่รถยนต์ไฟอ่อน ควรนำแบตเตอรี่รถยนต์ไปชาร์จเพื่อกระตุ้นไฟเพิ่มก่อนที่จะใช้งาน หรือควรสตาร์ทรถยนต์ทิ้งไว้ 20-30 นาที อย่างน้อยสัปดาห์ละ 1 ครั้ง เพื่อให้เกิดการกระตุ้นไฟเข้าไปยังแบตเตอรี่รถยนต์